ขนมเสน่ห์จันทร์

Image result for ขนมเสน่จัน

ส่วนผสม 
แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง หัวกะทิ 3 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง ไข่ไก่ 2 ฟอง ผงจันป่น 1/2 ช้อนชา สีผสมอาหารสีเหลือง

วิธีทำ 
1. ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน
2. ผสมหัวกะทิกับน้ำตาล ละลายแล้วกรองผสมแป้งกับกะทิ และผงจันป่นสีเหลือง
3. ตั้งไฟอ่อน กวนจนจับกัน
4. ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง ใส่ขณะแป้งร้อน รีบคนให้เข้ากัน ยกลง
5. พอขนมอุ่นปั้นได้ ให้ปั้นเป็นรูปผลจัน ตรงขั้วผลใช้น้ำตาลเคี่ยวสีน้ำตาลหยอด

ขนมจ่ามงกุฏ

Image result for จ่ามงกุฎ

ส่วนผสม

1) กวาดเม็ดแตงโม

เม็ดแตงโมอย่างย้อมสีแดงแกะแล้ว 1 ถ้วย

น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย

น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ผสมน้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกมะลิเข้าด้วยกัน ตั้งไฟพอเดือด ยกลง

2. คั่วเม็ดแตงโมให้สุกโดยใช้ไฟอ่อน ๆ เวลาจะกวาดใช้นิ้วจุ่มน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้

แล้วกวาดเม็ดแตงโมไปมาจนน้ำตาลแห้ง แล้วกลับข้างกระทะใหม่ ส่วนข้างที่กวาดแล้วเอา

ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ด กวาดจนกระทั่งเม็ดแตงโมเป็นหนามพองามใช้เวลาประมาณ 5 – 6ชั่วโมง เก็บใส่ภาชนะมีฝาปิด

2) แป้นรองขนม

แป้งสาลี 1 ถ้วยไข่แดง (ไข่ไก่) 1 ฟอง

ไข่ไก่ทั้งฟอง 1 ฟอง

วิธีทำ

ผสมแป้งและไข่เข้าด้วยกัน นวดจนนิ่มมือ คลึงเป็นแผ่นบาง ๆ แล้วตัดให้เป็นวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. นำแผ่นแป้งกรุใส่ในถ้วยตะไลใช้มือกดเบา ๆ ให้เป็นรูปก้นถ้วยใช้ส้อมจิ้มแล้วจึงเอาเข้าอบ พอสุกเหลืองก็เอาออกพักไว้

3) ส่วนผสมของทองเอก

แป้งสาลี 1 ถ้วย

น้ำตาลทราย 1 ถ้วย

ไข่แดง 1 ถ้วย

หัวกะทิ 1 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ผสมแป้ง น้ำตาลและไข่แดงเข้าด้วยกัน ใส่หัวกะทิคนพอเข้ากันและน้ำตาลละลาย กรองด้วย
  2. ผ้าขาวบาง
  3.  เทใส่กระทะทองกวนโดยใช้ไฟอ่อน ๆ จนแป้งข้น ยกลง ปั้นเป็นก้อนกลม บั้งเป็น 6 พู

วิธีแต่งตัวจ่ามงกุฎ

ติดเม็ดแตงโมโดยรอบแป้นรอง วางทองเอกด้านบนแล้วใช้ทองเอกปั้นเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ วางบนยอดมงกุฎ ติดทองแผ่นด้านบน

ลักษณะที่ดี

  1. เม็ดแตงโมที่กวาดต้องให้มีหนามยาว ๆ
  2. 2. แป้นรองต้องกรอบ
  3. 3. ทองเอกต้องมีสีเหลืองนวล เนื้อเนียน

ขนมเม็ดขนุน

Image result for ขนมเม็ดขนุน

ส่วนผสม

  • ถั่วเขียวเลาะเปลือก (นึ่ง) 400 กรัม
  • น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
  • กะทิ 500 มิลลิลิตร
  • น้ำ 4 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 4 ถ้วย (สำหรับต้มขนม)
  • ไข่แดงของไข่เป็ด 8 ฟอง
  • น้ำเชื่อม

วิธีทำ

  1. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกที่ืนึ่งแล้วมาปั่นกับน้ำตาลทรายและกะทิ (กะทิครึ่งเดียวก่อน) ปั่นจนละเอียด
  2. นำถั่วที่ได้มากวนในกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟลอนก็ได้ เติมกะทิส่วนที่เหลือลงไป กวนจนข้นเหนียว ใช้เวลา 15-20 นาที เสร็จแล้วก็ปิดไฟ พักถั่วไว้ให้เย็น
  3. นำถั่วที่เย็นสนิทแล้ว มาปั้นให้เป็นรูปวงรี ยาวๆ เป็นรูปทรงเม็ดขนุน ปั้นไปแบบนี้จนหมด
  4. ต้มน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าในกระทะทองเหลือง เปิดไฟอ่อน กวนจนน้ำตาลละลาย จากนั้นก็ปิดไฟทันที
  5. แยกไข่แดงของไข่เป็ดออกมา จากนั้นก็ตีให้เข้ากัน นำถั่วที่ปั้นไว้มาชุบกับไข่แดง เสร็จแล้วก็หยอดลงไปในน้ำเชื่อม หยอดไปเรื่อยๆ ระวังอย่าให้ขนมติดกันจนเกินไป
  6. จากนั้นก็เปิดไฟอ่อนๆ ต้มจนเม็ดขนุนสุกทั้งสองด้าน จากนั้นก็ตักเม็ดขนุนมาแช่ในน้ำเชื่อมข้างนอกอีกครั้งนึง ทำแบบนี้วนไปจนหมด
  7. จัดเรียงขนมใส่จานเสิร์ฟ หรือใส่ภาชนะสวยๆ เอาไว้จัดงานมงคลก็ได้ค่ะ

ขนมฝักบัว

สูตรขนมไทยโบราณ

ส่วนผสม ขนมฝักบัว

     • แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วย
• แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
• กล้วยหอมสุก 1 ลูก (บดละเอียด)
• ใบเตย 20 ใบ
• สีผสมอาหารสีเขียว 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช (สำหรับทอด)

วิธีทำขนมฝักบัว

     1. ล้างใบเตยให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วม ปั่นจนละเอียด จากนั้นกรองและคั้นเอาแต่น้ำ เตรียมไว้
2. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และกล้วยหอม ค่อย ๆ เทน้ำใบเตยลงไปนวดให้เข้ากัน ใส่สีผสมอาหารสีเขียวลงไป
3. ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปนวดกับแป้งให้ละลายจนมีลักษณะข้นเหนียว (เหมือนนมข้นหวาน) พักแป้งทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
4. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะขนาดเล็กสูงประมาณ 1/2 ของกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำมันร้อน กวนแป้งให้เข้ากันแล้วตักหยอดลงตรงกลางกระทะ (ระวังอย่าให้แป้งใต้กระบวยหยดลงในกระทะ) ขนมจะค่อย ๆ พองจากด้านนอกเข้าสู่ด้านในจนปิดสนิท รอจนขนมเหลืองและลอยขึ้นจากน้ำมันแล้วพลิกกลับด้าน จากนั้นตักน้ำมันราดตรงกลางของขนมเพื่อให้ตรงกลางขนมปูดขึ้น ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ

ขนมดอกจอก

สูตรขนมไทยโบราณ

ส่วนผสม ขนมดอกจอก

     • แป้งข้าวเจ้า 350 กรัม
• แป้งมัน 50 กรัม
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
• เกลือป่น (เล็กน้อย)
• น้ำปูนใส 1 ถ้วย
• หัวกะทิ 1 ถ้วย
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• งาดำคั่ว
• น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
• พิมพ์สำหรับทำขนมดอกจอก

วิธีทำขนมดอกจอก

     1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือ ให้เข้ากัน
2. เติมน้ำปูนใสและหัวกะทิลงไป ตีจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ไข่ลงไป ตีผสมจนเข้ากันอีกครั้ง จากนั้นเติมงาดำลงไป พักแป้งไว้สักครู่
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ (กะพอให้สูงท่วมพิมพ์ขนมดอกจอก) เปิดไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนนำพิมพ์ลงไปแช่ในน้ำมัน พอจนพิมพ์ร้อนจัด ให้ยกขึ้นมาวางลงบนกระดาษซับน้ำมัน
4. พอน้ำมันแห้งแล้วนำพิมพ์ลงไปจุ่มลงในส่วนผสมแป้ง โดยเว้นให้เหลือขอบเล็กน้อยจะได้ถอดพิมพ์ได้ง่าย ยกพิมพ์ลงไปทอดในน้ำมัน ทอดจนแป้งเริ่มสุกและขนมเริ่มล่อนออกจากพิมพ์ ค่อย ๆ เขย่าพิมพ์ให้หลุดจากตัวแป้ง ทอดต่อจนสุกเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
5. นำขนมไปวางบนก้นแก้วหรือชามคว่ำ (ขนาดพอ ๆ กับชิ้นขนมแล้ว) แล้วค่อย ๆ ดัดกลีบขนมลง พักทิ้งไว้จนเย็น จัดเสิร์ฟ

ขนมเทียนแก้ว

Related image

ส่วนผสม แป้งขนมเทียนแก้ว

• แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
• น้ำลอยดอกมะลิ (หรือน้ำผสมน้ำหอมกลิ่นมะลิ) 5 ถ้วย
• ใบตอง สำหรับห่อขนม

ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (เค็ม)

• ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
• หอมแดง
• พริกไทย
• น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
• เกลือป่น
• น้ำตาลทราย

วิธีทำไส้ขนมเทียน

1. ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
2. โขลกหอมแดงกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้

วิธีทำขนมเทียนแก้ว

1. ใส่น้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกมะลิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
2. ผสมแป้งถั่วเขียวและน้ำลอยดอกมะลิให้เข้ากัน กรองด้วยตะแกรง จากนั้นเทใส่กระทะทองเหลือง ใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนส่วนผสมแป้งสุกและใส ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้จนอุ่น
3. ตักส่วนผสมแป้งลงในกรวยใบตอง ตามด้วยไส้ ห่อเป็นทรงสามเหลี่ยมให้สวยง

ขนมหยกมณี

สูตรขนมไทยโบราณ

ส่วนผสม ขนมหยกมณี

     • สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
• ใบเตยหั่น 5-6 ใบ
• น้ำเปล่า หรือน้ำลอยดอกมะลิ (สำหรับปั่นน้ำใบเตย) 2 ถ้วยตวง
• น้ำ (สำหรับต้มสาคู) 1+1/2 ถ้วยตวง
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
• มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำขนมหยกมณี

     1. ล้างสาคู โดยเทสาคูลงไปบนตะแกรง ใส่น้ำเปล่าลงไป ใช้มือคนเล็กน้อย เทน้ำทิ้ง ทำซ้ำ 2 รอบ พักสาคูไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำประมาณ 15-20 นาที
2. คั้นน้ำใบเตย โดยหั่นใบเตยเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่โถปั่น เติมน้ำเปล่า หรือน้ำลอยดอกมะลิลงไป ปั่นให้ละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง หรือถุงกาแฟ เตรียมไว้
3. พอพักสาคูไว้จนครบ 15 นาทีแล้ว เทน้ำเปล่าใส่กระทะ หรือหม้อ เปิดไฟแรงสูง พอน้ำเดือดพล่านให้ปรับเป็นไฟกลาง จากนั้นใส่สาคูลงไปคนอย่างเร็ว (เพราะสาคูจะจับเป็นก้อน) คนจนสาคูเริ่มจับตัวเป็นก้อน มีลักษณะเป็นตากบคือ มีสีขุ่นตรงกลางและภายนอกสีใส
4. ใส่น้ำใบเตยลงไปคนให้เข้ากัน กวนส่วนผสมไปเรื่อย ๆ ถ้าชอบสาคูเป็นแบบตากบก็ใส่น้ำตาลทรายลงไปได้เลย หรือถ้าชอบสาคูสุกมากก็กวนจนน้ำแห้งแล้วค่อยใส่น้ำตาลทรายลงไป (ชอบแบบไหนก็ใส่น้ำตาลลงไปตอนนั้น)
5. พอใส่น้ำตาลทรายเสร็จแล้วก็กวนส่วนผสมต่อไปอีกประมาณ 5 นาที หรือจนขนมค่อนข้างหนืดตัวและข้นแต่ไม่แห้ง
6. เทขนมใส่ถาด เกลี่ยให้เท่า ๆ กัน (ห้ามจุ่มมือลงไปเพราะขนมร้อนมาก ๆ) ผึ่งขนมไว้จนเย็น
7. ระหว่างรอขนมเย็นให้นึ่งมะพร้าวขูดในชุดนึ่งใช้ไฟแรงประมาณ 15 นาที จากนั้นนำมะพร้าวใส่จาน โรยเกลือป่น คลุกเคล้าให้ทั่ว
8. นำช้อนกินข้าวไปจุ่มน้ำเล็กน้อย จากนั้นนำมาตักขนมหยกมณีเป็นคำ ๆ วางขนมหยกมณีลงบนมะพร้าว คลุกเคล้าขนมหยกมณีกับมะพร้าวให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ

ขนมเปียกปูนกะทิสด

Image result for ขนมเปียกปูนกะทิสด

ส่วนผสม ขนมเปียกปูนกะทิสด

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
• แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
• น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
• น้ำใบเตย 2 ถ้วยตวง
• เกลือเล็กน้อย
• น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
• น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม

ส่วนผสม กะทิราดหน้าขนม

     • กะทิ 500 กรัม
• เกลือแค่หยิบมือ
• แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ที่ใส่เพื่อให้น้ำกะทิข้น)
• งาขาวคั่ว

วิธีทำขนมเปียกปูนกะทิสด

     1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำปูนใส และน้ำใบเตยผสมกันและนวดจนเข้ากันดี ใส่เกลือ น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลปี๊บ นวดต่อจนเข้ากันดี กรองส่วนผสมแป้งด้วยตะแกรง 1 รอบ
2. ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลาง ใส่แป้งลงไปกวน พอแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนให้ลดเป็นไฟอ่อน ค่อย ๆ กวนต่อจนส่วนผสมเนียนเข้ากันดี สังเกตจากการเอาไม้พายตักแป้งขึ้นมา ถ้าแป้งเหนียวติดไม้พายก็ใช้ได้แล้ว ตักขนมเปียกปูนใส่ถุงบีบ และใช้หัวบีบแต่งหน้าเค้ก บีบใส่ถ้วย
3. ใส่หัวกะทิลงในหม้อ ตามด้วยเกลือ ใส่แป้งข้าวเจ้า คนผสมจนเดือด เสร็จแล้วตักกะทิราดหน้าขนมเปียกปูน โรยงาขาวคั่ว

บัวลอยไข่หวาน

Image result for บัวลอย

ส่วนผสม บัวลอยไข่หวาน

◆ แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
◆ น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
◆ เผือกนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารสีม่วง)
◆ ฟักทองนึ่งสุก (หรือสีผสมอาหารเหลือง)
◆ น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น (หรือสีผสมอาหารสีเขียว)
◆ กะทิ 1 ถ้วย
◆ น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
◆ เกลือป่น 1 ช้อนชา
◆ ไข่ไก่

วิธีทำบัวลอยไข่หวาน

1. แบ่งแป้งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นวดผสมแป้งกับน้ำเปล่าและเผือกนึ่งสุก ส่วนที่ 2 นวดแป้งกับน้ำเปล่าและฟักทองนึ่งสุก ส่วนที่ 3 นวดแป้งกับน้ำใบเตย นวดผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วนำไปคลุกแป้งข้าวเหนียวบาง ๆ เตรียมไว้
2. ใส่น้ำกะทิลงในหม้อ เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่นคนผสมจนละลาย นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด รีบปิดไฟ เตรียมไว้
3. ต้มน้ำเปล่าในหม้อจนเดือด นำบัวลอยลงต้มทีละสีจนลอยขึ้นมา จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำ ใส่ลงในถ้วย ตักกะทิที่เตรียมไว้ใส่ลงไป
4. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ค่อย ๆ เทลงในหม้อน้ำกะทิ รอจนไข่สุกตามชอบ จากนั้นตักใส่ลงในถ้วยบัวลอย พร้อมเสิร์ฟ

 

ขนมฝอยทอง

 

Image result for ขนมฝอยทอง

 

ส่วนผสม

1.ไข่แดงเป็ด

2.ไข่แดงไก่

3.น้ำตาลทราย

4.ใบเตย

5.กลิ่นดอกมะลิ

6.เทียนอบขนม

 

วิธีทำ

1. น้ำตาลทราย น้ำ ตั้งไฟพอเดือดน้ำตาลละลาย
2. ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง ตั้งไฟเคี่ยวต่อ
3. ให้น้ำเชื่อมมีลักษณะไม่ข้นหรือใสเกินไป เหมาะสำหรับโรยฝอยทอง
4. ตอกไข่ แยกไข่ขาวออกใช้แต่ไข่แดง และเก็บน้ำไข่ขาวที่ใสไม่เป็นลิ่ม เรียกน้ำค้างไข่
5. นำไข่แดงใส่ผ้าขาวบางรีดเยื่อไข่ออก ผสมไข่แดงกับน้ำค้างไข่ตามส่วน คนให้เข้ากัน
6. เตรียมกระทะทองใส่น้ำเชื่อมเดือด ๆ ไว้ ทำกรวยด้วยใบตอง หรือใช้กรวยโลหะใส่
7.ไข่แดงโรยในน้ำเชื่อมเดือด ๆ ไปรอบ ๆ ประมาณ 20-30 รอบ เส้นไข่สุกใช้ไม้แหลม
8. สอยขึ้นจากน้ำเชื่อม พับเป็นแพ อบด้วยควันเทียนหลังจากเย็นแล้ว

บลอกที่ WordPress.com .

Up ↑

Design a site like this with WordPress.com
เริ่มได้